feedburner
Enter your email address:

Delivered by FeedBurner

feedburner count

ฟรีเครื่องมือทำการตลาดออนไลน์

Labels:

คนไทยกับ Google แทบจะเรียกได้ว่ารู้จักและคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี โดยเฉพาะการใช้บริการ Search Engine ที่พอคิดอะไรไม่ออกก็เข้า Google ไว้ก่อน จากนั้นก็ Search แล้วข้อมูลก็จะปรากฏขึ้นมาให้เลือกเอง ข้อมูลจากเว็บไซต์ไหนที่ดูว่าน่าจะตรงกับความต้องการก็แค่คลิกเข้าไป
แต่สำหรับนักการตลาดแล้ว แน่นอนว่าคงจะต้องการเครื่องมือเพื่อช่วยในการทำตลาดด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะการทำการตลาดกับ Google เอง เพื่อให้เว็บไซต์ของตัวเองทะยานขึ้นสู่อันดับต้นๆ จากการค้นหา ซึ่ง Tools ที่ทาง Google พัฒนาขึ้นมาเองนั้นจะสามารถช่วยให้คุณทำการตลาดได้ง่ายมากขึ้น
มาดูกันว่า Google Tools ที่น่าใช้และมีประโยชน์มีอะไรบ้าง
1. Google Analytics
Google Analytics คือ ตัวเก็บสถิติเกี่ยวกับผู้เข้าชมเว็บไซต์ พฤติกรรมของคนที่เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ รวมทั้งติดตามประสิทธิภาพของแคมเปญการโฆษณา AdWords หรือโปรแกรมการโฆษณาอื่นๆ ด้วยข้อมูลนี้จะทราบว่าคีย์เวิร์ดใดที่ได้ผล ข้อความโฆษณาใดมีประสิทธิภาพมากที่สุด และผู้เข้าชมเว็บไซต์ออกจากเว็บไซต์เพราะเหตุใดความสามารถหลักของ Google Analytics แบ่งความสามารถตามจุดประสงค์การใช้งาน ได้แก่ สถิติเกี่ยวกับ Visitor รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับผู้ที่เข้ามาชมเว็บไซต์ สถิติเกี่ยวกับ Traffic รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับช่องทางในการเข้าถึงเว็บไซต์ สถิติเกี่ยวกับ Content รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสถิติการเข้าชมเนื้อหาภายในหน้าเว็บไซต์ และสถิติเกี่ยวกับ Goal วิเคราะห์ว่าผู้ใช้งานเข้าถึงเป้าหมายภายในเว็บไซต์ได้อย่างไรเครื่องมือตัวนี้จะช่วยให้คุณเห็นภาพรวมของเว็บไซต์ของคุณในทุกๆ วัน โดยจะวิเคราะห์ทั้ง Traffic ที่เกิดขึ้น คนที่เข้าเว็บไซต์มาจากไหน ประเทศอะไร และเข้ามาทำอะไรบ้างในเว็บไซต์ของคุณ โดยคุณสามารถ Monitor สถานการณ์ความเคลื่อนไหวภายในเว็บไซต์ของคุณได้ทั้งหมด
Google Analytics เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการช่วยวิเคราะห์ทิศทางการทำตลาดของคุณเองต่อไป ซึ่งจะทำให้คุณรู้ว่าอะไรที่เป็นที่นิยม อะไรที่คุณควรจะขาย กลุ่มเป้าหมายที่ให้ความสนใจของคุณเป็นใคร และถ้าจะขยายตลาดต่อไปนั้นควรจะไปทำตลาดในประเทศอะไรต่อไป โดยข้อมูลเหล่านี้ยังมีความจำเป็นสำหรับการเปลี่ยนแปลงระดับการลงทุนเพื่อทำการโฆษณา รวมทั้งยังทำให้สามารถคิดอัตราการคืนทุนได้ง่ายขึ้น
2. Google Sitemaps
Google Sitemap หรือการทำแผนที่เว็บไซต์ เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลย เพราะนอกจากจะทำให้คุณสามารถทำ SEO ได้ง่ายขึ้นแล้ว ยังจะส่งผลดีกับเว็บไซต์ของคุณในระยะยาวอีกด้วย โดยเครื่องมือตัวนี้มีประโยชน์สำหรับเว็บมาสเตอร์หรือนักการตลาดที่ต้องการให้ข้อมูลบนเว็บไซต์ของคุณถูกค้นพบอย่างรวดเร็วGoogle Sitemap จะเป็นเหมือน ป้ายบอกทางให้กับ Googlebot เพื่อให้สามารถเก็บข้อมูลภายในเว็บไซต์ได้ง่ายขึ้นด้วยการไต่ไปตามโครงสร้างและเนื้อหาของเว็บไซต์ ซึ่งข้อมูลที่ได้จะถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูลของ Google เมื่อมีการ Search หาข้อมูลใน Search Engine จะทำให้ข้อมูลในเว็บไซต์สามารถค้นพบได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ Google Sitemap ยังสามารถบอกได้ด้วยว่าเว็บไซต์ของเรามี Sites หรือ Webpages หน้าไหนที่ไม่ทำงานด้วย วิธีการสร้าง Google Sitemap 1. เข้าไปที่ http://www.xml-sitemaps.com/ จากนั้น ใส่ URL ของเว็บไซต์ที่ต้องการสร้าง Google Sitemap ลงใน Starting URL เสร็จแล้วคลิก Start ระบบจะทำการสร้าง Sitemap ให้ จากนั้นจะปรากฏคำว่า Generated sitemap is ready ให้ไปคลิกที่ Download Un-compressed XML.sitemap และเซฟไว้ในไฟล์ที่ชื่อ sitemap.xml แล้วนำ File ที่ชื่อ sitemap.xml ไป Upload ขึ้นเว็บไซต์ของตัวเอง โดยให้อยู่ในระดับเท่ากับ index.html เช่น http://www.ecommerce-magazine.com/sitemap.xml/2. ไปที่ http://www.google.com/webmaster/tools/ ใส่ URL ของเว็บไซต์ จากนั้นคลิกที่ เพิ่มไซต์ 3. จะพบ Google my Site ให้คลิกที่ เพิ่ม ที่ช่องของ sitemap เพื่อเพิ่ม Sitemap 3.1 เลือก Add general web sitemap และกำหนดชื่อ My sitemap URL ตามตัวอย่างของ Google เช่น http://www.ecommerce-magazine.com/sitemap.xml เสร็จแล้วคลิก Add web sitemap ระบบจะขึ้น Pending รอการยืนยันเว็บไซต์ในขั้นตอนต่อไป4. ทำการ ยืนยันเว็บไซต์ โดยคลิกที่ ยืนยัน ที่ช่องของ ยืนยันแล้วหรือยัง4.1 เลือกยืนยันแบบ อัพโหลดไฟล์ HTML4.2 จากนั้นระบบจะสร้างชื่อไฟล์ HTML ให้ จากนั้นให้เราสร้างไฟล์ HTML เปล่าๆ โดยตั้งชื่อไฟล์ชื่อเดียวกับไฟล์ HTML ที่ Google สร้างให้ จากนั้นทำการอัพโหลด ขึ้นเว็บไซต์ของตัวเอง โดยให้อยู่ในระดับเดียวกันกับ ไฟล์ index.html เช่น http://www.ecommerce-magazine.com/googlexxxxxxx.html 4.3 คลิกที่ ยืนยัน เพื่อทำการยืนยันเว็บไซต์ จากนั้นระบบจะอ่านเว็บไซต์ของเราและวินิจฉัยให้ด้วย เท่านี้ก็เรียบร้อย แต่ถ้าคุณมีการปรับปรุงเว็บไซต์มากๆ ควรที่จะมาสร้าง Sitemap ขึ้นมาใหม่
3. Google Alerts
การใช้ Google Alerts เป็นช่องทางหนึ่งที่ทำให้คุณสามารถเก็บ Track ที่เกิดขึ้นกับคุณในทุกกิจกรรมบนโลกออนไลน์ อีกทั้งยังทำให้คุณสามารถ Monitor บริการและสินค้าที่ได้รับความสนใจบนออนไลน์ รวมทั้งยังทำให้ทราบอันดับเว็บไซต์ของคุณว่าก้าวถึงระดับต้นๆ ในแต่ละคีย์เวิร์ดได้หรือไม่อีกด้วย Google Alerts เป็นระบบการเตือนเมื่อมีใครหรือว่าเว็บไซต์อื่นได้อ้างอิงถึงเว็บไซต์หรือชื่อของคุณ หรือมีผลการค้นหาใหม่ตามคำค้นที่คุณระบุ ระบบจะส่งอีเมลมาให้อัตโนมัติ โดยปัจจุบันระบบ Google Alerts รองรับการค้นหาจาก ข่าว เว็บไซต์ บล็อก วิดีโอ และ Google Groups เช่น ถ้าเป็นบริการสำหรับข่าว ระบบจะส่งอีเมลมาเตือนเมื่อมีข่าวใหม่ 10 อันดับแรกที่ตรงกับคำค้นหาที่คุณระบุจาก Google News Search ถ้าเป็นบริการสำหรับเว็บไซต์ ระบบจะส่งอีเมลรายงานผลการค้นหา 20 อันดับแรกที่ตรงกับคำค้นหาที่คุณระบุจาก Google Web Search ส่วนบริการสำหรับบล็อก ระบบจะส่งอีเมลรายงานผลการค้นหา 10 อันดับแรกที่ตรงกับคำค้นหาที่คุณระบุจาก Google Blog Search เป็นต้นการสมัครใช้บริการสามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยการเข้าไปที่ http://www.google.com/alerts จากนั้นป้อนคำที่ต้องการค้นหา เลือกบริการที่ต้องการ (ข่าว เว็บไซต์ วิดีโอ ฯลฯ) ความถี่ที่คุณต้องการตรวจสอบผลลัพธ์และอีเมลของคุณหลังจากกรอกข้อมูลครบแล้วให้กดปุ่ม “Create Alert” ระบบจะส่งอีเมลยืนยันให้คุณเมื่อได้รับอีเมลแล้วให้คุณยืนยันเปิดการใช้งาน โดยคลิกลิงก์ที่ส่งมาในอีเมลอย่างไรก็ตาม คุณสามารถสร้างและยืนยันการทำ Alert พร้อมๆ กันหลายรายการ โดยเข้าไปที่หน้า “Manage Your Alerts” ซึ่งการใช้งานนั้นคุณจะต้องเข้าสู่ระบบโดยใช้ Google Account หากยังไม่มี Google Account สามารถสร้างได้ที่หน้าเว็บไซต์ Google Account
4. Google Froogle
หลังจากที่ Google ได้เปิดให้บริการ Froogle ซึ่งเป็นเครื่องมือช่วยค้นหาสินค้าเพื่อการชอปปิงออนไลน์ แต่เนื่องจากชื่อดังกล่าวไม่สามารถสื่อได้ว่าเป็นแหล่งชอปปิงออนไลน์ตามที่ Google คาดหมายไว้ตั้งแต่แรก จึงได้เปลี่ยนชื่อ Froogle เป็น Google Product Search (http://www.google.com/products) แทน เพื่อให้ผู้ใช้งานเข้าใจง่ายขึ้น Froogle เป็น Index การสืบค้นสำหรับการชอปปิงแบบออนไลน์ที่ทำให้บรรดานักชอปฯ สามารถค้นหาสินค้าในราคาประหยัดได้ง่ายขึ้น โดยเครือข่ายของ Froogle จะมีความสามารถในการค้นหาสินค้าต่างๆ ในร้านค้าออนไลน์เป็นพิเศษ โดยหน้าตาของ Froogle นั้นจะคล้ายกับ Google Directory แต่มุ่งเน้นไปที่การทำให้คุณเข้าถึงตัวสินค้าที่ต้องการได้ง่ายขึ้นการค้นหาสามารถทำได้โดยใส่ชื่อผลิตภัณฑ์ที่คุณต้องการโดยตรง หรือหากคุณยังไม่ได้ตัดสินใจชี้ชัดลงไปก็สามารถดูสินค้าไปเรื่อยๆ โดยผลลัพธ์ที่ได้จากการค้นหาจะมีภาพสินค้าปรากฏให้ดูด้วย (หากร้านค้ามีการนำภาพมาลงไว้) และสามารถเรียงผลการค้นหาที่ได้ทั้งในแบบตามราคา จากราคาสูงไปต่ำ หรือต่ำไปสูง เรียงเว็บไซต์ตามจำนวนสินค้าที่เสนอ เรียงตาม Products Rating หรือจะให้เรียงตาม Seller Rating ก็ได้นอกจากนี้ยังสามารถเลือกชมสินค้าเฉพาะรายการที่อยู่ในช่วงราคา (Price Range) ที่สนใจได้ด้วย และยังสามารถใช้การสืบค้นขั้นสูงมาช่วยให้การสืบค้นเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตรงกับความต้องการมากขึ้น โดยการสืบค้นจาก Froogle จะเป็นประโยชน์มาก ซึ่งถ้าหากคุณมีสินค้าที่ต้องการซื้ออยู่ในใจแล้ว และต้องการความรวดเร็วในการซื้อสินค้า เครื่องมือตัวนี้ของ Google จะสามารถช่วยคุณได้มากสำหรับเว็บมาสเตอร์และนักการตลาดที่ต้องการโปรโมตสินค้าของตัวเอง การศึกษาและวิเคราะห์ว่าจะทำให้เนื้อหาบนเว็บไซต์ของตัวเองไปแสดงบน Froogle ได้นั้นต้องทำอย่างไรจึงเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้นจึงควรติดตาม ศึกษานโยบาย กลยุทธ์ และทิศทางในการทำให้สินค้าจากเว็บไซต์ของคุณได้ไปแสดงต่อหน้ากลุ่มเป้าหมายนับพันนับล้านคนด้วย
5. Google Checkout
Google Checkout คือระบบการจับจ่ายซื้อสินค้าที่สะดวก ปลอดภัย และรวดเร็ว โดยจะทำหน้าที่คล้ายๆ กับเป็น Payment Gateway หรือ Payment Processing เพื่อทำหน้าที่รับชำระเงินค่าสินค้าหรือบริการต่างๆ ที่มีขายบนเว็บไซต์ โดยระบบการรับชำระเงินของ Google Checkout นั้นคุณสามารถทำรายการสั่งซื้อและจ่ายค่าสินค้า ตลอดจนตรวจสอบรายการการสั่งซื้อหรือการชำระสินค้าได้ด้วยตัวเองผ่านหน้าเว็บไซต์
ผู้ที่มีเว็บไซต์อยู่แล้วสามารถที่จะนำ Google Checkout ไปติดตั้งไว้บนเว็บไซต์ได้ฟรี แต่ทุกครั้งที่มีคนชำระเงินผ่านทาง Google Checkout ทางเว็บไซต์จะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมให้กับ Google เป็นจำนวน 2%+$0.2 ต่อการชำระเงินหนึ่งครั้ง
ส่วนทางด้านผู้ใช้บริการ Google Checkout นั้นจะสามารถซื้อสินค้าบนอินเทอร์เน็ตได้ง่ายขึ้นด้วยเช่นกัน โดยผู้ใช้แค่ใส่รหัสบัตรเครดิตและข้อมูลส่วนตัวอื่นๆ เพียงแค่ครั้งเดียว จากนั้นเมื่อต้องการจะซื้อสินค้าก็แค่ใส่ Log In กับ Password ของ Google Checkout (ซึ่งก็เป็น Log In และ Password เดียวกับ Gmail หรือ Account อื่นๆ ของ Google) เท่านี้ก็สามารถทำการซื้อสินค้าได้แล้ว พร้อมทั้งยังสามารถเช็กประวัติการซื้อสินค้าของตัวเองได้ด้วยว่าซื้ออะไรไปเมื่อไรบ้าง หากเกิดปัญหาก็สามารถนำมาใช้เป็นหลักฐานยืนยันได้สำหรับนักการตลาดที่ใช้ AdWords ในการโฆษณาเว็บไซต์อยู่แล้วสามารถที่จะนำ Google Checkout นี้มาใช้สำหรับรับชำระเงินในเว็บไซต์ได้ โดยจะทำให้คุณเสียค่าธรรมเนียมน้อยลง หรือไม่เสียเลยก็ได้ ทั้งนี้เป็นเพราะว่าถ้าหากคุณเสียค่าโฆษณาให้กับทาง Google AdWords เป็นจำนวนเงิน $1 ทาง Google จะอนุญาตให้คุณใช้ Google Checkout เพื่อรับชำระค่าสินค้าได้ฟรี $10 โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมในการใช้ (2%+$0.2) ซึ่งสิทธิพิเศษที่ทาง Google มอบให้นี้ทำให้เจ้าของร้านค้าสามารถประหยัดค่าธรรมเนียมการใช้ไปได้มากทีเดียว
นอกจากนี้คุณยังสามารถวางโลโกของตัว Shopping Cart ไว้ที่ตัวโฆษณา AdWords ที่คุณใช้ เพื่อใช้ประโยชน์จากความน่าเชื่อถือของแบรนด์ Google มาสร้างข้อได้เปรียบให้กับเว็บไซต์คุณได้ด้วย ซึ่งนักการตลาดเองก็คงไม่ต้องเสียเวลาไปกับการหาเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพและเปี่ยมไปด้วยคุณค่ามาใช้กันอีกแล้ว ได้ทำความรู้จักกับเครื่องมือฟรีๆ เพื่อช่วยทำการตลาดจาก Google ทั้ง 5 ตัวไปแล้ว ฉบับต่อไปมาติดตามกันต่อว่าจะมีเครื่องมืออะไรที่ทั้งฟรีและดีจาก Google ที่น่าใช้กันอีกบ้าง

ที่มา : http://www.ecommerce-magazine.com/



กับดักทางความคิด

Labels:

ในห้องเรียนวันหนึ่ง ไอสไตน์ถามนักเรียนว่า
มีคนซ่อมปล่องไฟสองคน กําลังซ่อมปล่องไฟเก่า พอพวกเขาออกมาจากปล่องไฟ ปรากฏว่า คนหนึ่งตัวสะอาด อีกคนตัวเลอะเทอะ เต็มไปด้วยเขม่า ขอถามหน่อยว่า คนไหนจะไปอาบน้ำก่อน
นักเรียนคนหนึ่งตอบว่าก็ต้องคนที่ตัวสกปรกเลอะเขม่าควันสิครับ
ไอสไตน์ พูดว่า งั้นเหรอ
คุณลองคิดดูให้ดีนะคนที่ตัวสะอาด เห็นอีกคนที่ตัวสกปรกเต็มไปด้วยเขม่าควันเขาก็ ต้องคิดว่าตัวเองออกมาจากปล่องไฟเก่าเหมือนกัน ตัวเขาเองก็ต้องสกปรกเหมือนกันแน่ๆเลย ส่วนอีกคน เห็นฝ่ายตรงข้ามตัวสะอาด ก็ต้องคิดว่า ตัวเองก็สะอาดเหมือนกันตอนนี้
ผมขอถามพวกคุณอีกครั้งว่า ใครที่จะไปอาบน้ำก่อนกันแน่
นักเรียนคนหนึ่งพูดขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นว่า
อ้อ ! ผมรู้แล้ว พอคนตัวสะอาดเห็นอีกคนสกปรก ก็นึกว่าตัวเองต้องสกปรกแน่ แต่คนที่ตัวสกปรกเห็นอีกคนสะอาด ก็นึกว่าตัวเองไม่สกปรกเลย ดังนั้นคนที่ตัวสะอาดต้องวิ่งไปอาบน้ำก่อนแน่เลย
..... ถูกไหมครับ....
ไอสไตน์มองไปที่นักเรียนทุกคน นักเรียนทุกคน ต่างเห็นด้วยกับคําตอบนี้
ไอสไตน์ ค่อยๆพูดขึ้น อย่างมีหลักการและเหตุผลคําตอบนี้ก็ผิด ทั้งสองคนออกมาจากปล่องไฟเก่าเหมือนกัน จะเป็นไปได้ไงที่คนหนึ่งสะอาด อีกคนหนึ่งจะสกปรก นี่แหละที่เขาเรียกว่า ตรรก เมื่อความคิดของคนเราถูกชักนําจน สะดุด ก็จะไม่สามารถแยกแยะและหาเหตุผล แห่งเรื่องราวที่แท้จริงออกมาได้ นั่นคือ ตรรกจะหาตรรกได้ก็ต้อง กระโดดออกมาจาก พันธนาการของความเคยชิน หลบเลี่ยงจากกับดักทางความคิด หลีกหนีจาก สิ่งที่ทําให้หลงทางจากความรู้จริงขจัด ทิฐิแห่งกมลสันดานจะหา ตรรก ได้ก็ต่อเมื่อ คุณสลัดหมากทั้งหมดที่คนเขาจัดฉาก วางล่อคุณไว้





10 สุดยอดCMSเครื่องมือสร้างเว็บไซต์ฟรี( Open Source )

Labels: , ,

ระบบการจัดการเนื้อหา (Content Management Systems :CMS )นั้น นับได้ว่าเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยในการสร้างเว็บไซต์ได้อย่างรวดเร็วและง่ายดายจนเป็นที่นิยมอย่างมากในปัจจุบัน อีกทั้งยังเป็นของฟรีหรือ open source อีกด้วย
1.Joomla เป็นที่นิยมและได้รางวัลชนะเลิศ CMS มาแล้ว มีความสามารถสูงในการจัดการเว็บไซต์ รองรับระบบ portals

2.XOOPS เป็นอีกสายพันธ์ที่พัฒนาต่อมาจาก phpNUKE รองรับระบบ blogs,pottals และอื่นๆอีกมากมาย
3.Drupal เป็นที่นิยมอย่างมากในขณะนี้ มี module และฟังก์ชันหลากหลายให้ใช้งาน ดูตัวอย่างได้ที่ SiAMMONEY.NET
4.e107 ถูกออกแบบและพัฒนาโดย php+mySQL
5.Plone ติดตั้งง่าย ใช้งานคล่อง รองรับการทำงานเป็นกล่ม รวมไปถึง extranets และ intranets

6.Zope รองรับระบบ portals,intranets รวมไปถึงการออกแบบโปรแกรม
7.PHPnuke เป็น CMS ต้นฉบับดั้งเดิม ความสามารถหลากหลาย แต่ค่อนข้างล้าสมัย ใช้งานยากนิดหน่อย
8.Dotnetnuke พัฒนามาจาก PHPnuke เพื่อใช้ในรูปแบบ Microsoft .NET
9.Typo3 มีความยืดหยุ่นสูง ฟังก์ชันและโมดูล หลากหลาย
10.PostNuke ระบบรักษาความปลอดภัยดีเยี่ยม
นอกจากนี้ยังมี CMS ให้เลือกใช้อีกมากมายขึ้นอยู่กับความต้องการ และรูปแบบของ web master นับได้ว่า CMS ได้มีส่วนในการปฏิวัติวงการอินเตอร์เน็ตได้มากทีเดียวครับ





Social Media ช่วยกระตุ้นการตลาดออนไลน์คึกคัก

Labels:

จากรายงานการซื้อขายจากตลาดออนไลน์ของ PriceGrabber พบว่า 85% มาจาก Social Networking และ 57% นั้นมาจากบล๊อค และจากผลการสำรวจพบว่า มีการใช้ Social Networks เพื่อการตลาดมากถึง 39.3% โดยที่ 32% มาจากหน้าเพจของ Facebook 27% จาก MySpace และ 26% จาก YouTube

นั่นแสดงว่า ปัจจุบัน social networks ได้เข้ามามีบทบาทต่อผู้ที่เล่นอินเตอร์เน็ตมากขึ้น หรือแม้แต่กระทั่งเว็บไซต์ของบริษัทต่างๆ ที่มีขีดจำกัดในเรื่องการสื่อสารกับลูกค้า ก็ต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์หันมาใช้ social networks ที่สามารถโต้ตอบและเข้าถึงได้ดีกว่า ลองมาดูรายงานเปรียบเทียบการเข้าถึงสินค้า จากการใช้อินเตอร์เน็ตใน US ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม 2008




จะเห็นได้ว่า social networks นั้นสามารถแซงหน้าบรรดาพวก microblogging,youtube หรือแม้แต่กระทั่ง เทคโนโลยีอย่าง rss ซึ่งน่าจับตามองเป็นอย่างยิ่งครับ



7 เทคนิคในการสร้างเว็บไซต์ให้เป็น Digg Clone

Labels: ,

ตอนนี้กระแสการเลียนแบบเว็บไซต์ชื่อดังอย่าง Digg นั้นมาแรงมากครับไม่เว้นแม้แต่ในบ้านเราที่ทะยอย กันเปิดตัวออกมาเรื่อยๆ ผมขอเรียกว่าเป็นเว็บไซต์ประเภท "จับฉ่าย" ก็แล้วกันเพราะเป็นลักษณะของการเปิดให้ส่งเรื่องหรือบทความต่างๆ ในเนื้อหาที่มากมายหลากหลายประเภท หรือบางเว็บไซต์อาจจะเน้นไปในลักษณะเรื่องเดียวเป็นหลักก็แล้วแต่ concept ลองมาดูวิธีการทำ Digg Cloneโดยใช้ open source หรือ services กันเลยครับ

1. Blinkk - รูปร่างหน้าตาจะออกมาในรูปของ Digg+ del.icio.us +Forum รองรับในส่วนของ links, images, audio, video, user editorials, daily columns, commenting, tagging and feedback



2. coRank - เป็นการเปิดให้บริการอย่างง่ายด้วยการออกแบบหน้าตาของเว็บเพจ ให้เหมือน Digg โดยไม่ต้องมีเว็บไซต์ เพียงแค่เข้าสมัครสมาชิกและใช้งานได้เลย พูดง่ายๆก็คือลักษณะของการให้บริการบล๊อกฟรีนั่นเองครับ
3. Drupal Vote up/down Package - สำหรับใครที่ใช้สุดยอด CMS อย่าง Drupal ก็มีให้บริการในส่วนของ module ชื่อ Voting API, Voting Actions และ CRE recommendation หรือไปดูคำแนะนำได้ที่ Drigg แต่สามารถใช้ได้เฉพาะ version 5.xxx เท่านั้น


4. PHPDug- เป็น open source อีกตัวที่มีการติดตั้งและใช้งานง่าย มีทั้งระบบแนะนำในการติดตั้ง ระบบความปลอดภัย รวมถึงเลือกเปลี่ยน templetes และอื่นๆอีกมากมาย ดูตัวอย่างการใช้งานได้ที่ PHPDug Demo :user/demo pass/demo

5. Pligg - เป็น CMS open source ที่เป็นที่นิยมในบ้านเราค่อนข้างเยอะ มีฟังก์ชันครบถ้วน น่าใช้มาก



6. Upwarded - เป็น open source ใช้ทำ Digg clone อย่างง่ายๆ แต่การพัฒนาเวอร์ชันใหม่ๆ ค่อนข้างช้า

7. WordPress Vote It Up - สำหรับ Wordpress ซึ่งเป็น blog CMS ยอดนิยมก็มีให้บริการในส่วนของการ Vote ให้คะแนนเหมือนกัน

ที่มา : Mashable



Adsense ประกาศปรับเปลี่ยนระบบโฆษณาใหม่

Labels: ,


เมื่อเดือนที่ผ่านมา ผู้ที่เป็น Adsense publisher คงจะได้รับการแจ้งข่าวทางจดหมายแล้วว่า จะมีการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงระบบโฆษณาใหม่ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงในส่วนของระบบ Google Adwords โดยจะให้ผู้ที่เป็นตัวแทนโฆษณา หรือ Advertiser นั้นสามารถกำหนดและควบคุมการแสดงโฆษณาไปยังเป้าหมายของบล๊คหรือเว็บไซต์ต่างๆได้
และสิ่งที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ก็คือระบบ Ad planner(ยังอยู่ในช่วงทดสอบ) ที่จะทำให้ผู้ที่เป็นตัวแทนโฆษณา หรือ Adwards นั้นสามารถค้นหาเว็บไซต์ หรือบล๊อคที่ต้องการได้และสามารถควบคุมการแสดงโฆษณาทั้งในส่วนของ keywords ที่เกี่ยวข้องและตำแหน่งที่ต้องการให้โฆษณาวางเอาไว้ แต่สำหรับ publisher ทั้งหลายก็ไม่ต้องตกใจนะครับ เพราะไม่ต้องปรับเปลี่ยนอะไรเลย เพียงแต่มีข้อดีสำหรับเหล่า blogger ที่จะได้เปรียบบรรดาเว็บไซต์ต่างๆในการเข้าถึงและดึงดูดความสนใจกับ Advertiser มากกว่าเว็บไซต์ที่รวมมีเรื่องหัวข้อที่ต่างกันมากๆนั่นเอง
นี่ก็นับว่าเป็นข่าวดีสำหรับนักทำ Adwords เลยที่เดียวที่ Google พยายามที่จะแก้ไขข้อบกพร่องในการแสดงโฆษณาให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายที่ผู้ลงโฆษณาต้องการครับ



Google Adsense ประกาศปิดระบบ Referrals program และเปลี่ยนมาใช้เป็น Google Affiliate Network

Labels: ,


ในที่สุด Adsense ก็ได้ประกาศยกเลิกการใช้ ระบบ referrals program และได้เปลี่ยนมาเป็น Google Affiliate Network ในการประกาศตัวครั้งนี้รับรองได้ว่า ต้องกระทบหนาวๆร้อนๆไปถึงบรรดา Affiliate รายใหญ่ๆทั้งหลายอย่างเช่น CJ.com,Clickbank.com รวมทั้งยักษ์ใหญ่อย่าง Amazon Associate อีกด้วย หลังจากที่ Google เดิมเป็นเพียงตัวกลางระหว่างบริษัท หรือตัวแทนโฆษณารายใหญ่ กับลูกค้าที่ค้นหาข้อมูลจาก search engine แต่ตอนนี้ได้พร้อมแล้วที่จะเป็นตัวกลางของระบบ Internet Marketing ซะเอง

ถ้าลองเข้าไปดูในบัญชีของ Adsense แล้วก็จะไม่ปรากฏในส่วนของ referral ที่เคยมีอยู่ก่อนหน้านี้ การที่ Google ลงมาลุยระบบ Affiliate ก็คงเป็นเพราะว่ารายได้มหาศาลที่เติบโตขึ้นอย่างมากนั่นเอง และหวังที่จะครอบครองส่วนแบ่งการตลาดทั้งหมดเลยทีเดียว....และจะมีรายได้จาก ผู้ที่ทำการเป็นตัวแทนโฆษณา Advertising จากการทำ Google Adwords อีกด้วย ส่วนการที่จะทำให้นักโฆษณาทั้งหลายหันไปใช้งานจาก Google Affiliate Network นั้นก็คงจะต้องติดตามดูกันต่อไปครับ

สำหรับ publisher หรือผู้ที่มีเว็บไซต์ นั้นก็ไม่ได้สามารถสมัครได้ง่ายๆ เหมือนอย่างพวก cj.com หรือ amazon นะครับเพราะ ทาง google เองก็พยายามคัดกรองเอาเว็บไซต์ที่เราเป็นเจ้าของโดเมน จริงๆ โดยที่ชื่อต้องตรงกัน รวมทั้ง email ก็ต้องเป็นของเว็บไซต์ด้วย เรียกได้ว่าผู้ที่ใช้ฟรีบล๊อคก็คงต้องอดไปตามๆกันครับ และคงต้องคอยติดตามนโยบายของ google กันต่อไป







สุดยอด 4 วิธีในการใช้ Social Media เพื่อเพิ่มTraffics

Labels:

1. เริ่มจากการเพิ่มเพื่อนด้วย Activity : อ่านเนื้อหาหรือบล๊อคต่างๆที่คุณสนใจ และทำการคอมเม้นท์ หรือตอบคำถาม โดยการใช้ Social ซึ่งสามารถค้นหาได้จากพวก Twellow.com, FriendFeed.com, FeedRinse.com, Zaptxt.com, Alerts.com

2. ใช้เทคโนโลยี web 2.0 เพื่อเผยแพร่บทความและเพิ่มจำนวนสมาชิก : ทำการให้บริการบทความแบบฟรีๆ เพื่อเพิ่มความน่าสนใจ ด้วย RSS reader, Google Reader, iGoogle, MyYahoo หรือของค่ายอื่นๆ และสามารถใส่บทความกับเว็บไซต์ที่ให้บริการใช้ Social ฟรีอย่างเช่น Dapper เพื่อนำ Traffics กลับมายังเว็บไซต์หรือบล๊อคของเรา อันนี้ใช้ได้ดีมากๆครับ

3. โปรโมทบล๊อคด้วย Email Newsletter ฟรีๆจาก Feedburner

4. โปรโมทด้วย Social Media ดังๆอย่างเช่น youtube, delicious, myspace หรืออื่นๆอีกมากมาย





AOL ปรับกลยุทธ์ติด RSS และ Liftstreaming ขึ้นแท่นอันดับ2 Social networks

Labels:


คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่า เทคโนโลยี RSS และ Social networks ได้ทำให้เกิดสังคมออนไลน์และเครือข่ายระหว่างบล๊อค หรือเว็บไซต์ ขึ้นอย่างกว้างขวางอย่างต่อเนื่อง ทำให้สามารถเพิ่มจำนวนผู้เยี่ยมชมหรือสมาชิกได้อย่างรวดเร็ว และนี่เองทำให้ AOL ต้องหันมาให้ความสนใจในการปรับปรุงหน้าตาที่จะทำให้ผู้ที่อ่าน RSS ได้มีส่วนร่วมในข้อมูลข่าวสาร(3rd party social networks)มากขึ้นทำให้สามารถเพิ่ม traffics จากล้านเป็น 60 ล้าน/เดือน เลยทีเดียว และสามารถแซงหน้า Digg ที่มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมประมาณ 20 ล้าน/เดือนได้อย่างน่าอัศจรรย์ โดยสามารถดูได้จาก 3X as many visitors ซึ่งแม้แต่ยักษ์ใหญ่อย่าง Yahoo ก็ต้องหันมาให้ความสนใจกับเทคนิคอันนี้


เมื่อปีที่แล้วมีการแข่งขันของข้อมูลข่าวสารกันอย่างดุเดือน ทำให้เกิดเว็บไซต์ประเภท social networks ขึ้นอย่างมากมาย โดยผู้ใช้คนหนึ่งนั้นสามารถที่จะสมัครเป็นสมาชิกได้หลายเว็บไซต์ อย่างเช่น จำนวนสมาชิกของ Facebook ทั้งหมดจะเป็นสมาชิกของ Myspace ด้วยถึง64% หรือจำนวนสมาชิกของ Myspace ทั้งหมดจะเป็นสมาชิกของ Facebook ด้วย 20% แสดงว่า Myspace สามารถดึงความสนใจจาก social networks ได้อย่างดีเยี่ยม โดยเปรียบเทียบได้จากแผนภาพข้างล่าง


จะเห็นได้ว่า Facebook และ Myspace นั้นมีอัตราการเจริญเติบโตของสมาชิกที่รวดเร็วมาก และเป็นฐานสมาชิกซึ่ง จะนำ Tracking ไปยัง AOL จนสามารถขึ้นเป็นอันดับสองของเมื่อเดือนที่แล้ว
ในปัจจุบันนั้นผู้คนนิยมในการใช้ RSS เพื่ออับเดทข้อมูลข่าวสารโดยอัตโนมัติ ซึ่งต่างจากหลายปีที่ผ่านมาที่ต้องวิ่งไปหาข้อมูลข่าวสารด้วยตัวเอง และนับได้ว่าเป็นเทคโนโลยีที่ทำให้เกิดการไปมาหาสู่กันระหว่างบล๊อคหรือเว็บไซต์ได้อย่างดีทีเดียว



จุดอ่อนเรื่องความปลอดภัยที่อันตรายใน Google Chrome Browser

Labels:


ในที่สุด google ก็ได้ประกาศธงรบท้าชนสู้ศึกเต็มตัวกับ microsoft ด้วยการเปิดตัว Google Chrome บราวเซอร์ตัวใหม่ ที่จะมาเขย่าบัลลังค์จาก Internet Explorer ซึ่งเป็นอันดับหนึ่งในปัจจุบัน รองลงมาก็คือเจ้า Mozzilla นั่นเอง ที่ผ่านมา google ก็ได้ให้การสนับสนุน mozzilla มาโดยตลอดอยู่แล้ว แต่จะด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม google ตัดสินใจที่จะลงมาลุยตลาดด้าน browser เอง ซึ่งอาจจะเป็นเพราะว่ามันน่าจะช่วยทำให้สามารถสนับสนุนการทำงานของ google ให้เต็มประสิทธิภาพ มากกว่าที่จะไปยืมจมูกคนอื่นหายใจ โดยกำลังเร่งพัฒนาให้รองรับแมคโอเอส และลินุกส์ต่อไป ล่าสุดยังไม่ทันข้ามวัน เว็บไซต์สำหรับดาวน์โหลด Google Chrome ก็ล่มเสียแล้ว
Chrome (โครม) นั้นถูกจับตามองมานานแล้วหลังจากที่มีข่าวลือว่ากูเกิลกำลังซุ่มเงียบพัฒนาโปรแกรมเว็บเบราว์เซอร์ของตัวเอง ที่จะสามารถดับจุดอ่อนในไออีได้ในขณะที่ผู้ใช้จะสามารถใช้งานเสิร์ชเอนจิ้นของกูเกิลได้ง่ายขึ้น แน่นอนว่าความเคลื่อนไหวนี้ของกูเกิลเป็นเรื่องไม่ธรรมดา และวิธีการเปิดตัว Chrome ก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน กูเกิลเปิดตัว Chrome ด้วยหนังสือการ์ตูนความยาวเกือบ 40 หน้าบอกเล่าเรื่องราวรายละเอียดเบราว์เซอร์ใหม่ล่าสุด ภายในมีข้อมูลว่าผู้พัฒนาเบราว์เซอร์น้องใหม่ยอดฮิตอย่างไฟร์ฟ็อกซ์ (Firefox) และอดีตทีมงานมอซิลลามากกว่า 2 คนรวมอยู่ในทีมพัฒนา Chrome ด้วย สามารถอ่านการ์ตูนฉบับเต็มที่http://www.google.com/googlebooks/chrome/index.html ขณะเดียวกัน หลายฝ่ายเชื่อว่า Chrome ถูกเปิดตัวมาเพื่อจู่โจมไออี 8 ซึ่งเปิดทดสอบเวอร์ชัน 2 ไปเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ไออี 8 นั้นมีจุดเด่นเรื่องการปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ ซึ่งทำให้กูเกิลและเครือข่ายโฆษณาออนไลน์อื่นๆติดตามข้อมูลพฤติกรรมของนักท่องอินเทอร์เน็ตเพื่อนำไปวิเคราะห์และประยุกต์ให้เกิดประโยชน์กับธุรกิจโฆษณาออนไลน์ได้ยากขึ้น แต่จากการ์ตูนเปิดตัว พบว่าจุดยืนของ Chrome และไออี 8 นั้นต่างกัน โดย Chrome เน้นการจัดการหน่วยความจำเพื่อรักษาประสิทธิภาพด้านความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ การปรับปรุงอินเทอร์เฟสหรือหน้าตาโปรแกรมให้สามารถใช้งานได้สะดวกยิ่งขึ้น มีการปรับให้แท็บย้ายไปอยู่เหนือแอดเดรสบาร์ และการฝังระบบบริการจากกูเกิลและค่ายอื่นลงไปให้ครบเครื่องเหมือนไฟร์ฟ็อกซ์และไออี 8 ที่สำคัญคือการแสดงรายชื่อมัลแวร์หรือซอฟต์แวร์ประสงค์ร้ายต่างๆเพื่อเตือนผู้ใช้ พร้อมลูกเล่นอื่นๆที่กูเกิลเตรียมไว้เพื่อเอาใจนักท่องเน็ต Sundar Pichai รองประธานฝ่ายจัดการผลิตภัณฑ์ของกูเกิล โพสต์ข้อความในบล็อกของตัวเองว่า "ในยุคที่เว็บไซต์มีคุณสมบัติและพัฒนาการเยี่ยมยอดแบบฉุดไม่อยู่ Chrome คือทางเลือกหนึ่งซึ่งเราหวังให้สามารถรองรับการแสดงผลเว็บเหนือชั้นในอนาคตได้ต่อเนื่อง" Chrome จึงถูกการันตีว่าเป็นเบราว์เซอร์ที่เหมาะกับการแสดงคอนเทนท์ไดนามิกหรือเนื้อหาเว็บไซต์ที่มีการโต้ตอบมากๆ เช่น เว็บไซต์ทีวี วิทยุ และหนังสือพิมพ์ออนไลน์ เพียงแค่วันแรกของการเปิดตัวเบราว์เซอร์ กูเกิลก็ถูกวิจารณ์ว่าพยายามผูกขาดในตลาดออนไลน์เสียเองแม้จะต่อต้านไมโครซอฟท์ไม่ให้ผูกขาดตลาด อย่างไรก็ตาม สิ่งที่กูเกิลยังต้องฝ่าฟันก่อนจะผูกขาดตลาดเบราว์เซอร์ได้ หนีไม่พ้นไมโครซอฟท์ที่ครองส่วนแบ่งตลาดถึง 75 เปอร์เซ็นต์ของนักท่องเน็ตทั่วโลก สำหรับไฟร์ฟ็อกซ์ซึ่งมีส่วนแบ่งมากกว่า 10 เปอร์เซ็นต์นั้นก็คาดว่าต้องแข่งขันเฉือนคมเช่นกัน แม้ว่ากูเกิลจะประกาศขยายระยะเวลาเป็นพันธมิตรในธุรกิจโฆษณาออนไลน์กับไฟร์ฟ็อกซ์จนถึงปี 2011 แล้วก็ตาม
Chrome นั้นยังคงมีปัญหาข้อบกพร่องในเรื่องความปลอดภัยต่อเนื่องมาจากเวอร์ชันก่อนในชื่อว่า Webkit โดยที่สามารถถูกจู่โจมได้อย่างง่ายดาย ด้วย executable java เช่นหลังจากผู้ใช้งานดับเบิ้ลคลิ๊ก เพื่อดาวน์โหลด โปรแกรมจะถูกเปิดโดยปราศจากการเตือนทำให้ง่านต่อการ Hack นั่นเอง และสิ่งที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้ก็คือข้อมูลทุกอย่างจะถูกส่งไปเก็บไว้ที่ google ทั้งหมด แล้วอย่างนี้ความเป็นส่วนตัวของเราคงจะไม่มีอีกต่อไป
มาดูหน้าตาของ Chrome (ดาวน์โหลด)







Ma.gnolia คู่แข่ง Deliciuos เปิดให้พัฒนาด้วย open source

Labels:


Ma.gnolia ถือได้ว่าเป็น Social Bookmarking ยอดนิยมอันดับสองรองจาก Delicious ที่ตอนนี้กลายเป็นของ Yahoo ไปเรียบร้อยแล้ว ได้ประกาศที่งานประชุม Gnomedex ณ เมือง ซีแอตเติ้ล ว่าจะเปิดให้มีการพัฒนา Ma.gnolia ในรูปแบบของ open source เพราะว่ายังเป็นรอง Delicious อยู่หลายขุมและก็หวังว่าการเปิดเผย code ครั้งนี้จะช่วยให้การพัฒนามีประสิทธิภาพมากขึ้น
Ma.gnolia ทำอะไรได้บ้าง
- รองรับการล็อกอินด้วย open id
- มีการให้บริการด้านข้อมูลที่ดี
- รองรับระบบ Social โดยการแชร์ข้อมูลด้วย group และมีฟังก์ชันการขอบคุณ สำหรับคนที่ bookmarking URL
- มีรูปร่างหน้าตาที่สวย และเข้าถึงได้ง่าย หรือสามารถปรับหน้าตาให้เป็นลักษณะ thumbnails และเพิ่มบทความยอดนิยมในแต่ละวันได้

การเปิด open source ในครั้งนี้นับว่าเป็นการดึงเอาประสิทธิภาพของการ ร่วมคิด ร่วมทำ ที่เคยประสบความสำเร็จมาแล้วอย่างเช่น Linux,Cms,หรือ โปรแกรมต่างๆ อีกมากมาย








หุ่นยนต์สมองกลชีวภาพ สามารถคิดและตัดสินใจด้วยตัวเอง

Labels:


John Shirley พูดว่า "หุ่นยนต์สมองกลชีวภาพ ยังไม่เคยเกิดขึ้นเลยในชีวิตของผม"

หุ่นยนต์ที่จะใช้สมองกลชีวภาพนั้น ถูกควบคุมโดยระบบโครงข่ายประสาทซึ่งจะถูกติดตั้งอยู่ในแผ่นเซลล์ซึ่งประกอบไปด้วย electrode ประมาณ 60 ตัว ที่สามารถเก็บเอาสัญญาณทางไฟฟ้า เพื่อใช้ในการเคลื่อนไหวของหุ่นยนต์ โดยทุกๆครั้งที่หุ่นยนต์เคลื่อนที่เข้าไปใกล้วัตถุ สัญญาณจาก electrode จะถูกส่งและแปลความหมายไปยังสมอง และสมองก็จะสั่งการเพื่อขับเคลื่อนและควบคุมล้อให้เคลื่อนที่ซ้าย ขวา เพื่อหลีกเลี่ยงการชนกับวัตถุนั้นๆ หุ่นยนต์สามารถตัดสินใจได้เอง โดยปราศจากการควบคุมของมนุษย์ด้วยคอมพิวเตอร์ นับเป็นความก้าวหน้าขึ้นไปอีกขั้นที่จะทำให้ หุ่นยนต์สามารถพัฒนาหรือตัดสินใจด้วยตัวเองได้ เหมือนในนิยายหรือภาพยนต์วิทยาศาสตร์ คงจะเป็นจริงได้ในไม่ช้านี้
ที่มา : boingboing




Yahoo ยังไม่ยอมแพ้เปิดตัว Fire Eagle สู้อีกยก

Labels:

หลังจากปล่อยให้ Google โชว์การกวาดและเทคโอเวอร์อยู่เพียงฝ่ายเดียว ในที่สุด Yahoo ก็ประกาศเปิดตัว Location Platform ที่ชื่อว่า Fire eagle ออกมาและพร้อมให้บริการแล้ว จากที่ได้เปิดตัว beta version ไปในครั้งก่อน ซึ่งเป็น application(APIs) ที่ทำให้เราสามารถแสดงตำแหน่งที่อยู่ปัจจุบัน บนบล๊อค หรือแชร์ให้กับเพื่อน ซึ่งก็จะทำให้เกิด location community ขึ้นมา โดยทาง Yahoo เองก็จะสอบถามผู้ใช้ก่อนอยู่แล้วว่ายอมรับในกฏและเงื่อนไข และยอมรับที่จะแสดงข้อมูลตำแหน่งนี้หรือไม่ ซึ่งผู้ใช้สามารถที่จะปิดการบริการได้ทันที่ถ้าหากไม่ต้องการที่จะแสดงตำแหน่งที่อยู่ ถึงแม้ว่าในการทดสอบตอนแรกจะมีปัญหานิดหน่อยในการแสดงตำแหน่งแต่ก็ได้รับการแก้ไขเรียบร้อยแล้ว และจากที่มีผู้ร่วมพัฒนากว่า 800 คนก็จะทำให้ Fire eagle พัฒนาความสามารถต่อไป







ระบบ Google Ad's Network ตัดสินใจใช้ Double the Cookies

Labels:

ในที่สุด Google ก็ตัดสินใจนำระบบ Double the Cookies มาใช้กับเครือข่ายโฆษณา ซึ่งจะทำให้รู้ถึงข้อมูลของผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ที่ติด Adsense เอาไว้และทำให้ง่ายต่อการส่งโฆษณาไปแสดงที่เว็บไซต์นั้นๆ หรือสามารถที่จะควบคุมการแสดงโฆษณาเช่น ช่วงเวลาความถี่ของผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมสามารถกลับมาดูโฆษณาชิ้นเดิมได้ รวมทั้งการรายงานผลต่างๆกลับมาที่ Google Ad's Network นับว่าเป็นข่าวดีสำหรับผู้ที่ลงโฆษณา หรือ ทำ Google adwords และเป็นผลดีต่อ Googleเองอีกด้วย ซึ่งจะทำให้เพิ่มประสิทธิภาพการแสดงโฆษณาได้ดียิ่งขึ้น แต่อาจจะไม่ค่อยดีนักสำหรับ Yahoo และ Microsoft ที่ยังตกลงปลงใจกันไม่ได้ถึงการร่วมทุนที่ยิ่งใหญ่ในวงการ search engine
สำหรับลูกค้าหรือผู้ที่มาเยี่ยมผ่านทางเว็บไซต์นั้นระบบจะทำการ cookies ไปที่ brower และจะส่งโฆษณาที่ไม่ซ้ำกันไปแสดง เพื่อให้ลูกค้าได้ดูโฆษณาที่หลากหลายมากขึ้น สำหรับเจ้าของเว็บไซต์ หรือ บล๊อค ที่ติด Google adsense ไว้แล้วแทบไม่ต้องทำอะไรเลย เพราะระบบ Double the Cookies ได้ถูกฝังติดไปกับ script เรียบร้อยแล้ว และได้เริ่มทำงานมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม เพื่อสำรวจความนิยมในโฆษณานั้นๆ



Lifestreaming ตัวเปลี่ยนโฉมหน้าใหม่ให้กับบล๊อคในอนาคต

Labels:

เป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์อย่างมากสำหรับ บล๊อค ครับที่ได้เข้ามามีบทบาทเป็นอย่างมากในการบริโภคข่าวสารของเราในปัจจุบัน และคงจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ว่า บล๊อค สามารถเข้าถึงชีวิตและความต้องการของผู้คนได้ดีกว่าเว็บไซต์ เสียด้วยซ้ำ และนั่นเองจึงทำให้เกิดกระแสของ การบริโภคข่าวสาร หรือ lifestreaming ซึ่งมีทั้งข้อความ รูปภาพ ไปจนถึงวีดีโอ มีเดียต่างๆ โดยที่ใครๆก็สามารถที่จะเขียนบล๊อคได้กันทั้งนั้น แต่การที่จะทำให้มีผู้คนเข้ามาเยี่ยมชมบล๊อคของเราไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยสำหรับ บล๊อคเกอร์ มือใหม่ ที่ต้องแข่งขันสูงมากๆ แต่ก็มีทางออกคือ การใช้บริการ Social network ที่มีอยู่มากมาย เช่น facebook,blogline,digg,delicious หรือแม้แต่เจ้า microblogging อย่าง twitter หรือ social site อย่าง FriendFeed ก็เป็นหนทางที่จะทำให้เกิดสังคมออนไลน์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมา ด้วยการแลกเปลี่ยน สื่อสาร ข่าวสาร ตามความต้องการของแต่ละคนได้อย่างดีทีเดียว ด้วยการโพสต์ คอมเม้นต์ เนื้อหา หรือลิงค์ต่างๆ เรียกได้ว่าทำให้เกิดวิถีชีวิตใหม่ขึ้นมาเลยก็ว่าได้



เราจะใส่ stream เข้าไปในบล๊อคได้ยังไง?

ถ้าใครที่ใช้ cms อย่าง wordpress ก็ไม่ยากครับ มี plugin ที่รองรับไว้อยู่แล้วอย่างเช่น SimpleLife Wordpress Plugin หรือ RSS Stream Wordpress Plugin และถ้าหากใครที่ใช้สุดยอดฟรีบล๊อค อย่าง blogger ก็มีให้ใส่ในส่วนที่สามารถเพิ่ม feed เข้าไปได้และบริการอีกมากจาก google หรือ cms อย่าง drupal ก็มีให้บริการด้วยเหมือนกัน และคงสามารถพูดได้ว่า lifestreaming เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของบล๊อคในยุคโลกของข้อมูลข่าวสารที่ขาดไม่ได้เลยจริงๆ





Magento-open source น้องใหม่สำหรับทำเว็บไซต์หรือบล๊อคเกี่ยวกับ E-commerce

Labels:

แนะนำ open-source eCommerce ตัวใหม่ครับ สำหรับใครที่เบื่อเจ้า Oscommerce ก็ลองเปลี่ยนมาใช้ Magento ดูบ้าง ซึ่งได้แก้ไขปัญหาขีดจำกัดและความยืดหยุ่นของ open-source ตัวอื่นๆ และได้ถูกออกแบบมาจากความต้องการของผู้ใช้ E-commerce ทั้งหลาย ซึ่งมีให้เลือกทั้งแบบบริการฟรี และคิดตังค์เพิ่มโดยที่ service ในส่วนของบริการฟรีมีดังนี้ครับour support scope
-Community
-Knowledge-base
-Community Support
-Customer Newsletters
-Security Alerts
Read our support scope
Magento ถือว่าเป็นมิตรกับ SEO อย่างมากทีเดียว เพราะได้ติดตั้งฟังก์ชัน ในการปรับแต่งการค้นหา การแก้ไข Meta และเครื่องมือ Social shopping อย่างเช่น อันดับสินค้า tags และสินค้าที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น

นับว่าเป็นอีกตัวหนึ่งที่น่านำมาทดลองใช้ดูนะครับ ถ้าใครลองแล้วเป็นยังไงก็อย่าลืมมาเล่าสู่กันฟังบ้างนะ




ที่มา : fluid-webdesign



ปรับแต่งเนื้อหาให้โดนใจด้วนปลั๊กอินตัวใหม่ของ Mybloglog

Labels: ,


ในการทำ seo ที่สำคัญอย่างหนึ่งให้กับบล๊อค ก็คือ content หรือเนื้อหาที่สามารถทำให้ประทับใจกับผู้ที่มาเยี่ยมชม และ Mybloglog ก็ได้ปล่อย plugin ตัวใหม่สำหรับ wordpress ออกมาชื่อว่า "Just for You" ซึ่งถูกพัฒนาโดยทีมงานเดิมของ Mybloglog ก่อนที่จะถูก yahoo เทคโอเวอร์ เรียกได้ว่ากวาดเอาไปทั้ง เทคโนโลยีและมันสมองเลยทีเดียว

การทำงานของ Just for You ก็คือมันจะ tag เอาสิ่งที่สมาชิกของ Mybloglog ที่เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ตั้งค่าสิ่งที่สนใจหรือฟังก์ชันอื่นๆเอาไว้ในบัญชี มาโชว์ใน widget ผลดีก็คือมันจะเกิดเครือข่ายของการเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยน content สำหรับสมาชิกอย่างเช่น หมวดหมู่ หรือ tag ของเนื้อหานั้นๆ ซึ่งจะต่างจากเดิมคือโชว์แค่รูปของสมาชิกเท่านั้น และแน่นอนฟังก์ชันนี้ให้บริการฟรีเหมือนเช่นเคย ส่วนผู้ที่ใช้บล๊อคตัวอื่นๆที่ไม่ใช่ wordpress ก็ไม่เป็นไร สามารถ copy โค๊ดไปวางไว้ใน widget หรือ templete ได้เหมือนเดิมครับ
ที่มา : readwriteweb




Twitter ยังสะดุ้งเมื่อเจอ Rejaw: Microblogging + Chat ตัวใหม่

Labels: ,

ถ้าพูดถึง Social network ขนาดเล็ก ที่เรียกว่า Microblogging มีลักษณะการให้บริการส่งข้อความสั้นๆ (ปกติจะน้อยกว่า 200 ตัวอักษร) ในการเผยแพร่ให้บุคคลทั่วไปหรือเฉพาะกลุ่มเพื่อนก็ได้ได้รับข้อความดังกล่าว โดยรูปแบบการส่งสามารถทำได้ทั้งผ่าน text messaging, instant messaging, email, mp3 หรือผ่านหน้า website ที่ให้บริการในรูปแบบ Microblogging ซึ่งก็หนีไม่พ้นเจ้า twitter ที่รู้จักกันเป็นอย่างดีซึ่งฮอตสุดๆ และมีคู่แข่งรายอื่นๆเช่น jaiku และ pownce
แต่เจ้า Rejaw นั้นเจ๋งกว่าตัวอื่นๆคือจะมีบริการ คุยกันสดๆผ่านกระดานได้ทันทีครับ ส่วนการส่งข้อความนั้นก็ส่งได้ถึง 1000 ตัวอักษรทีเดียว เล่นโปรกันแบบนี้สงสัยยักษ์ใหญ่อย่าง twitter คงจะร้อนๆหนาวๆเข้าไปบ้างแล้ว
ฟังก์ชันเสริมอื่นๆก็มี สามารถหาเพื่อนได้จาก facebook และ google mail หรือจะค้นหาจากชื่อก็ยังได้ครับ ส่วนการสนทนาก็สามารถใส่ link URL หรือ RSS feed ได้อีกด้วย





สุดยอด 5 เว็บไซต์ที่ใช้สร้างเฉดสี color schemesเพื่อปรับแต่งบล๊อค

Labels: ,

ในการตกแต่งบล๊อคหรือเว็บไซต์นั้น สิ่งหนึ่งที่สำคัญก็คือการตกแต่งหน้าบล๊อคให้มีสีสันสวยงาม และให้ดูกลมกลืนเข้ากับเนื้อหาหรือโฆษณา แต่เนื่องจากเฉดสี หรือ color schemes นั้นมีมากเกินกว่าที่สายตาเราจะสามารถแยกออกได้ทั้งหมด ทำให้การใช้ code ของเฉดสีเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมาก ซึ่งโดยทั่วไปก็นิยมใช้พวกโปรแกรมกราฟฟิค ต่างๆเช่น photoshop เพื่อเปรียบเทียบและหาเฉดสีที่ตรงกับความต้องการ แต่ปัญหาที่ผมเจอบ่อยๆก็คือ การเปิดเจ้าโปรแกรมพวกนี้นั้นมันกินหน่วยความจำของเราไปค่อนข้างมาก หรือถ้าคอมพิวเตอร์ใครแรงก็ไม่ว่ากันครับ ก็เลยต้องมาหาการให้บริการสร้างเฉดสีทางออนไลน์ ลองมาดูทีละตัวกันเลยครับ

Kuler
Kuler เป็นเว็บไซต์ที่ให้บริการสร้างตารางสี color palette ของค่าย Adobe นั่นเอง โดยสามารถให้เราสร้างแถบสี และสามารถเปรียบเทียบกับตารางสีที่ถูกสร้างขึ้นจากผู้ใช้อื่นๆ ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้มีนามสกุลเป็น .ASE





Color Hunter
Color Hunter เป็นเว็บไซต์ที่ให้บริการสร้างตารางสี color palette โดยสามารถเปรียบเทียบเฉดสีกับรูปภาพที่เราต้องการ ซึ่งรองรับทั้งรูปภาพที่มาจาก image URL จากเว็บไซต์ที่ให้บริการเช่น flickr หรือรูปภาพที่อัพโหลดขึ้นเอง และสามารถค้นหาแถบสีอื่นๆได้จาก tag อีกด้วย


Color Palette Generator
Color Palette Generator เป็นบริการของ DeGraeve.com เป็นเครื่องมืออย่างง่ายที่ให้เราสามารถใส่ image URL ของรูปภาพเพื่อสร้างเฉดสีออกมา และจะมีแถบสีอีกหนึ่งอันที่ได้รับการปรับค่าความสว่างให้เพิ่มขึ้นมาให้อีกด้วย



ColorJack
ColorJack จะมีเฉดสีต่างๆอยู่ในรูปของตารางสีให้เลือก และนำออกเข้าไปยังโปรแกรมกราฟฟิคเช่น Illustrator, Photoshop


Colr
Colr ตัวนี้ขอบอกได้เลยว่าชอบมากครับ เพราะมี service ค่อนข้างครบไม่ว่าจะเป็น การสุ่มภาพจาก flickr เข้ามาเพื่อเปรียบเทียบเฉดสี หรือจะอัฟโหลดรูปของเราเข้าไป รวมทั้งสามารถใส่ชื่อเว็บไซต์หรือบล๊อคของเราเข้าไปแล้วเจ้า colr นี้ก็จะเข้าไปดึงข้อมูลเฉดสีในหน้าเพจต่างๆออกมาครับ และยังมี link เฉดสีที่ใกล้เคียงมาให้เราเลือกใช้อีกด้วย



ที่มา : readwriteweb



เจาะลึก วิเคราะห์ การทำงานของ google pagerank ดัชนีวัดความนิยมเว็บไซต์

Labels:



Page Rank เป็นชื่อเครื่องหมายการค้าของ Google คือวิธีการวัดความสำคัญของเว็บเพจนับล้านๆเว็บเพจบนอินเตอร์เน็ตด้วยระบบ Algorithm โดยมีตัวเลขตั้งแต่ 0 ถึง 10 ยิ่งตัวเลขยิ่งสูง PageRank ก็ยิ่งสูง นั่นหมายความว่าเว็บไซต์นั้นๆมีโอกาสได้รับการจัดอันดับที่ดีกว่าเว็บไซต์ที่มี PageRank ต่ำกว่าโดยสามารถทราบค่า PR ของเว็บไซต์เราได้ โดย download และ install google toolbar (http://toolbar.google.com/) หลังจากนั้นจะสามารถดูคะแนน PR ของหน้าเว็บเพจที่เราไปเยี่ยมชมได้อย่างสะดวก หรือจะเช็คค่าผ่านเว็บไซต์ต่างๆที่ให้บริการตรวจสอบค่า page rank


ประวัติของ PageRank
PageRank ได้ถูกคิดค้นและพัฒนาขึ้นที่มหาวิทยาลัย Stanford โดย Larry Page และ Sergey Brin ซึ่งเป็นโครงงานวิจัยร่วมชนิดใหม่เกี่ยวกับ search engine โดยได้เริ่มโครงงานขึ้นในปี 1995 และได้นำไปสู่ตัวต้นแบบที่มีชื่อว่า Google ในปี 1998 จากนั้นมาทั้งสองคนได้ก่อตั้งบริษัท Google Inc. ขึ้น PageRank เป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่สำคัญมากที่ใช้จัดอันดับความนิยมจากการค้นหา และได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของ web search tools ในที่สุด

ระบบวิธีการคิดและประมวลผล Algorithm
PageRank คือระบบการกระจายของความน่าจะเป็นจากการสุ่ม click ของแต่ละหน้าเพจ

นั้นๆ และจะถูกนำมาคำนวณเพื่อแบ่งเป็นเกณฑ์และเก็บรวมรวมเอาไว้ โดยค่าจะอยู่ระหว่าง 0 ถึง 1 ตัวอย่างเช่น
สมมติว่ามีหน้าเว็บเพจอยู่ 4 หน้าคือ A B C และ D ค่าเริ่มต้นของ PageRank ในแต่ละหน้าจะถูกแบ่งเป็น 0.25 เท่าๆกัน และถ้าหน้า B C D ต่างก็มี link ไปยังหน้า A ค่า PageRank ของหน้า A ขณะนั้นจะเป็น 0.75 ซึ่งคิดได้จากสมการดังนี้

ต่อจากนั้น หน้า B มี link ไปยังหน้า C และ หน้า D มี link ไปยังทั้ง 3 หน้า ซึ่งค่า link-vote ของแต่ละตัวจะถูกหารด้วยจำนวน outbound link (ลิงค์ที่ออกไปข้างนอก) ดังนั้น หน้า B จะส่งค่า vote= 0.125 ไปยังทั้งหน้า A และ C ยกเว้นหน้า D ที่จะส่งค่า vote=0.083 ไปยังทั้ง 3 หน้าดังนี้

ดังนั้นค่า PageRank ของ A = 0.125+0.25+0.083 = 0.4583

ถ้าหากว่าเราแทน outbound link ด้วย L จะได้เป็นสมการทั่วไป ดังนี้

หรือ PageRank ในแต่ละหน้าเพจ u ก็คือ


แต่ Google ไม่ได้คิดค่า PageRank เป็นเพียงสมการเชิงเส้น ธรรมดาดังที่เห็นจากข้างบน แต่จะมีค่า damping factor (d) เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย โดยจะถูกนำมาลบออกจากค่า 1 ซึ่งค่า d นี้เองที่ยังเป็นปริศนาความลับของ Google และเขียนสมการได้ดังนี้


หรือถ้า N คือจำนวนหน้าทั้งหมดที่เก็บได้ จะได้สมการคือ




ดังนั้นจะเห็นได้ว่า ค่าของ PageRank ในแต่ละหน้าจะขึ้นอยู่กับค่า outbound link ที่มาจากหน้าอื่นๆ และถ้าหน้านั้นมีค่า PR สูงอยู่แล้วก็จะทำให้หน้าเพจที่ได้ link เข้ามามีค่าสูงตามไปด้วย แต่ถ้าสังเกตุให้ดีจะเห็นว่าถึงแม้ได้รับค่า vote จากหน้าเพจที่มี PR สูง มากๆนั้นดี แต่ถ้าจำนวน link ที่เข้ามามากๆจากหน้าเดิมๆก็จะทำให้ค่า PR ในหน้าเพจต่ำลงได้ อันนี้นี่เองเป็นกลไกที่ Google ต้องการให้มีการกระจายค่าความนิยมมาจากหลายๆเว็บไซต์ ไม่ใช่มาจากหน้าใดหน้าหนึ่งเท่านั่นครับ

ในการเก็บข้อมูลในแต่ละหน้านั้น Google จะมีเจ้าตัวไต่ที่เรียกว่า crawls เข้าไปทำการเก็บข้อมูล และการปรับค่าคะแนน PR ก็จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ถ้าหากว่าหน้าเว็บเพจนั้นไม่มี link ที่เข้ามา (outbound link) เลย ก็จะทำให้ค่า PR ลดลงได้เช่นกัน เพราะฉนั้นรูปของสมการทั่วๆไปเขียนได้เป็น
เมื่อ p คือแต่ละหน้าของเว็บเพจ, M คือกลุ่มทั้งหมดของหน้าเว็บเพจ, N คือจำนวนทั้งหมดของหน้าเว็บเพจ

จากสูตรที่ Google ได้คิดค้นขึ้นและนำมาใช้เพื่อจัดแยกอันดับในแต่ละหน้าของเว็บไซต์ ก็เพื่อที่จะส่งผลต่อการค้นหา และให้ได้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด และคงจะพูดได้ว่า PageRank เป็นหัวใจที่สำคัญในการทำ SEO สำหรับเว็บมาสเตอร์มือใหม่ทั้งหลายนั่นเองครับ

ที่มา : wikipidia.org





สร้าง traffic กลับมายังเว็บไซต์หรือบล๊อคด้วยการส่งเรื่อง

Labels: ,


เป็นหนึ่งในเทคนิคของ SEO ที่จะใช้เพิ่มจำนวนผู้ชมให้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งเว็บไซต์ที่ให้บริการสำหรับภาษาไทยก็มีเกิดขึ้นแล้วหลายแห่ง ในการให้บริการส่งหรือเขียนเรื่อง แล้วใส่ Link URL กลับไปยังเว็บไซต์ที่มาของเนื้อหานั้นๆ หนึ่งในนั้นก็คือ SiAMmoney.NET ซึ่งเป็น Online Sharing Community เกี่ยวกับการสร้างรายได้ออนไลน์เป็นหลัก และยังสามารถส่งเรื่องในหมวดหมู่อื่นๆอีกมากมาย ซึ่งถือว่าเป็นศูนย์การแห่งการเรียนรู้และแลกเปลี่ยนข่าวสารกันก็ว่าได้




Google Adsense รองรับภาษาไทยแล้วครับ

Labels:


หลังจากที่รอมานานแสนนาน ก็เพิ่งจะมีข่าวดีเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานี้เอง หลังจากที่ผมได้ติดตามข่าวและลองติด adsense ในบล๊อคภาษาไทยมาหลายครั้งแต่ก็ไม่สำเร็จซักที ก็น่าจะมีหลายสาเหตุ เช่น google กำลังจับตากระแสความนิยมในการทำ adwords อยู่ และความเข้าใจใน index ภาษาไทยยังไม่ดีพอนั่นเอง แต่หลังจากที่กระแสความนิยมใน adwords เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และมีภาษาไทยมากขึ้น ทำให้ google ต้องปรับระบบ adsense เพื่อให้รองรับในภาษาไทยของเรา และมีการทดสอบระบบ อยู่หลายครั้งเหมือนกัน จนกว่า adsense จะสามารถดึงโฆษณาได้ตรงตามเนื้อหาใน page นั้นๆ และก็สามารถใช้ได้เมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมานี้ครับ


นับว่าเป็นข่าวดีสำหรับบล๊อคเกอร์ ชาวไทยทุกคนที่จะได้มีโอกาสติด adsense ได้และสามารถสร้างรายได้ออนไลน์ ได้มากขึ้น ในเมื่อ google ได้เปิดโอกาสให้กับคนไทยแล้ว สิ่งที่ควรจะรักษาไว้ก็คือ ไม่ควรที่จะพยายามโกง adsense กันนะครับ ...อย่าให้ปลาเน่าเพียงไม่กี่ตัว มาทำให้เน่าไปทั้งบึง...




นโยบายของ Adsense ที่ควรปฏิบัติ

Labels:

เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ระบบ Internet Marketing ในประเทศไทยให้เจริญก้าวหน้า และไปสู่การยอมรับภาษาไทยจาก Google ขอร้องว่าอย่าพยายามโกง adsense กันเลยนะครับ เพราะจะมีผลกระทบมากมายมหาศาลทีเดียว ควรที่จะทำตามกฏของ adsense ดังต่อไปนี้




ผู้เผยแพร่โฆษณาที่เข้าร่วมในโปรแกรม AdSense ต้องปฏิบัติตามนโยบายต่อไปนี้ ขอให้คุณอ่านนโยบายเหล่านี้อย่างละเอียดและอ้างอิงถึงเอกสารนี้เป็นประจำ หากคุณไม่ปฏิบัติตามนโยบายเหล่านี้ เราอาจปิดการใช้งานการให้บริการโฆษณากับเว็บไซต์ของคุณ และ/หรือ ยกเลิกบัญชี AdSense ของคุณ แม้ว่าในหลายๆ กรณีเราจะยินดีประสานงานกับผู้เผยแพร่โฆษณาเพื่อให้สามารถปฏิบัติตามนโยบายเหล่านี้อย่างสอดคล้อง แต่เราขอสงวนสิทธิ์ในการปิดการใช้งานบัญชีใดๆ ได้ทุกเมื่อ หากบัญชีของคุณถูกปิดการใช้งาน คุณจะไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมในโปรแกรม AdSense อีก
โปรดทราบว่าเราอาจแก้ไขนโยบายของเราเมื่อใดก็ได้ และตาม ข้อตกลงและเงื่อนไข ของเรา คุณมีหน้าที่ติดตามการเปลี่ยนแปลงและปฏิบัติตามนโยบายที่แจ้งไว้ในที่นี้จำนวนการคลิกและการแสดงผลที่ไม่ถูกต้อง
จำนวนการคลิกในโฆษณาของ Google ต้องเป็นผลลัพธ์จากความสนใจของผู้ใช้โดยแท้ ห้ามใช้วิธีการใดๆ เพื่อลักลอบสร้างจำนวนการคลิกหรือการแสดงผลในโฆษณา Google ของคุณ วิธีการที่ห้ามใช้เหล่านี้ รวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะ การคลิกหรือการทำให้เกิดการแสดงผลซ้ำๆ ด้วยตนเอง, การใช้ซอฟต์แวร์หุ่นยนต์, เครื่องมือสร้างการคลิกและการแสดงผลแบบอัตโนมัติ, บริการของบุคคลอื่นเพื่อสร้างการคลิกหรือการแสดงผล เช่น จ่ายต่อคลิก, จ่ายต่อเซิร์ฟ, เซิร์ฟอัตโนมัติ และโปรแกรมแลกเปลี่ยนคลิก หรือซอฟต์แวร์ทุจริตใดๆ โปรดทราบว่า การคลิกโฆษณาของคุณเองไม่ว่าด้วยเหตุผลใดเป็นสิ่งที่ไม่สามารถกระทำได้ หากไม่ปฏิบัติตามนโยบายนี้อาจส่งผลให้บัญชีของคุณถูกปิดการใช้งาน การสนับสนุนการคลิก
เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ใช้และผู้โฆษณาได้รับประสบการณ์ในการใช้งานที่ดี ผู้เผยแพร่โฆษณาต้องไม่ขอให้ผู้ใช้คลิกที่โฆษณาบนเว็บไซต์ของตนหรืออาศัยวิธีหลอกลวงเพื่อนำมาซึ่งการคลิก ผู้เผยแพร่โฆษณาที่เข้าร่วมในโปรแกรม AdSense จะ:
ต้องไม่สนับสนุนให้ผู้ใช้คลิกที่โฆษณา Google โดยใช้ข้อความเช่น "คลิกที่โฆษณา" "สนับสนุนเรา" "เยี่ยมชมลิงก์เหล่านี้" หรือข้อความอื่นๆ ที่คล้ายกัน
ต้องไม่ดึงดูดความสนใจของผู้ใช้ไปที่โฆษณาโดยใช้ลูกศรหรือลูกเล่นด้านกราฟิกอื่นๆ
ต้องไม่วางรูปภาพที่สร้างความเข้าใจผิด ควบคู่กับโฆษณาแต่ละชิ้น
ต้องไม่สนับสนุนเว็บไซต์ที่แสดงโฆษณาผ่านอีเมลขยะหรือโฆษณาอันไม่พึงประสงค์บนเว็บไซต์ของบุคคลอื่น
ต้องไม่ให้ค่าตอบแทนผู้ใช้ในการดูโฆษณาหรือดำเนินการค้นหา หรือเสนอที่จะให้ค่าตอบแทนแก่บุคคลอื่นเพื่อดำเนินการดังกล่าว
ต้องไม่วางป้ายกำกับข้อความที่อาจทำให้เข้าใจผิด บนหน่วยโฆษณา Google เช่น โฆษณาสามารถใช้ป้ายกำกับว่า "ลิงก์ผู้สนับสนุน" แต่ไม่สามารถใช้ว่า "เว็บไซต์ที่โปรดปราน" เนื้อหาเว็บไซต์
แม้ว่า Google จะนำเสนอการเข้าถึงเนื้อหาที่หลากหลายในดัชนีการค้นหา แต่ผู้เผยแพร่โฆษณาที่เข้าโปรแกรม AdSense สามารถจะวางโฆษณา Google บนเว็บไซต์ที่เป็นไปตามหลักเกณฑ์เนื้อหาของเราเท่านั้น และต้องไม่แสดงโฆษณาบนหน้าใดๆ ที่มีเนื้อหาหลักเป็นภาษาที่ไม่สนับสนุน ดูรายการของภาษาที่สนับสนุน
เว็บไซต์ที่แสดงโฆษณา Google จะต้องไม่มี:
เนื้อหาที่แสดงความรุนแรง การเหยียดเชื้อชาติหรือต่อต้านบุคคล กลุ่ม หรือองค์กรใดๆ
ภาพเปลือยหรือเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่
เนื้อหาการเจาะระบบ/การแคร็ก
ยาผิดกฎหมายและยาที่ห้ามครอบครอง
ภาพอนาจาร
เนื้อหาที่เกี่ยวกับการพนันหรือคาสิโน
เนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับโปรแกรมที่ให้ค่าตอบแทนแก่ผู้ใช้เพื่อให้คลิกโฆษณาหรือข้อเสนอ การดำเนินการค้นหา การเปิดเว็บไซต์ หรือการอ่านอีเมล
คำสำคัญที่มากเกินไป ซ้ำซ้อน หรือไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาหรือโค้ดของหน้าเว็บ
เนื้อหาหรือโครงสร้างที่หลอกลวงหรือตบตาเพื่อช่วยเพิ่มอันดับในเครื่องมือค้นหาของเว็บไซต์ของคุณ เช่น PageRank ของเว็บไซต์ของคุณ
การขายหรือการส่งเสริมการขายอาวุธหรือกระสุน (เช่น อาวุธปืน มีดต่อสู้ เครื่องช็อตด้วยไฟฟ้า)
การขายหรือการส่งเสริมการขายเบียร์หรือสุรา
การขายหรือการส่งเสริมการขายยาสูบ หรือผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับยาสูบ
การขายหรือการส่งเสริมการขายยาที่ต้องใช้ใบสั่งแพทย์
การขายหรือการส่งเสริมการขายผลิตภัณฑ์ที่ลอกเลียนแบบจากสินค้าผู้ออกแบบ
การขายหรือการแจกจ่ายภาคนิพนธ์หรือเรียงความของนักศึกษา
เนื้อหาอื่นๆ ที่ผิดกฎหมาย สนับสนุนกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย หรือละเมิดสิทธิ์ทางกฎหมายของผู้อื่น เนื้อหาที่มีลิขสิทธิ์
ผู้เผยแพร่เว็บไซต์ต้องไม่แสดงโฆษณา Google บนหน้าเว็บที่มีเนื้อหาที่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายลิขสิทธิ์ เว้นแต่จะได้รับสิทธิ์ทางกฎหมายที่จำเป็นในการแสดงเนื้อหานั้น โปรดดู นโยบาย DMCA ของเราสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมคำแนะนำของเว็บมาสเตอร์
ผู้เผยแพร่โฆษณาของ AdSense ต้องปฏิบัติตามคำแนะนำด้านคุณภาพของเว็บมาสเตอร์ที่แจ้งไว้ใน http://www.google.com/webmasters/guidelines.html#qualityลักษณะการทำงานของเว็บไซต์และโฆษณา
เว็บไซต์ที่แสดงโฆษณา Google ควรจะง่ายสำหรับผู้ใช้ในการสำรวจและไม่ควรมีหน้าป๊อปอัปมากเกินไป ห้ามดัดแปลงรหัสของ AdSense และห้ามบิดเบือนรูปแบบโฆษณามาตรฐานไม่ว่าด้วยวิธีใด ซึ่ง Google ไม่ได้ให้การอนุญาตไว้อย่างชัดแจ้ง
เว็บไซต์ที่แสดงโฆษณา Google ต้องไม่มีป๊อปอัปหรือป๊อปอันเดอร์ที่ขัดขวางการสำรวจไซต์ เปลี่ยนการตั้งค่าของผู้ใช้ หรือเริ่มต้นดาวน์โหลด
รหัสใดๆ ของ AdSense ต้องเป็นการนำไปวางโดยตรงในหน้าเว็บโดยไม่มีการดัดแปลง ผู้เข้าร่วมโปรแกรม AdSense ไม่ได้รับอนุญาตให้แก้ไขส่วนใดๆ ของรหัสดังกล่าวหรือเปลี่ยนลักษณะการทำงาน การกำหนดเป้าหมาย หรือการแสดงโฆษณา ตัวอย่างเช่น การคลิกบนโฆษณาของ Google ต้องไม่ส่งผลให้มีการเรียกเปิดหน้าต่างใหม่ของเบราเซอร์
เว็บไซต์หรือบุคคลอื่นต้องไม่แสดงโฆษณา, ช่องการค้นหา, ผลลัพธ์การค้นหา หรือปุ่มการแนะนำผลิตภัณฑ์ของเรา ซึ่งเป็นผลลัพธ์จากการทำงานของแอปพลิเคชันใดๆ เช่น แถบเครื่องมือ
ห้ามผสมรวมรหัส AdSense ในแอปพลิเคชัน
ห้ามโหลดหน้าเว็บที่มีรหัส AdSense ด้วยซอฟต์แวร์ที่สามารถเรียกป๊อปอัป, นำผู้ใช้ไปยังเว็บไซต์ที่ไม่ต้องการไป, แก้ไขการตั้งค่าเบราเซอร์ หรือขัดขวางการสำรวจเว็บไซต์ในลักษณะอื่น คุณมีหน้าที่ดำเนินการเพื่อไม่ให้มีเครือข่ายหรือพันธมิตรโฆษณาใช้วิธีที่กล่าวมาเพื่อนำทราฟฟิกไปยังหน้าที่มีรหัส AdSense ของคุณ
การเสนอการแนะนำผลิตภัณฑ์ต้องกระทำโดยไม่มีข้อผูกมัดหรือข้อกำหนดใดๆ กับผู้ใช้ ผู้เผยแพร่โฆษณาไม่สามารถชี้ชวนเพื่อขอที่อยู่อีเมลจากผู้ใช้โดยใช้ร่วมกับหน่วยการแนะนำผลิตภัณฑ์ AdSense
ผู้เผยแพร่โฆษณาที่ใช้การโฆษณาออนไลน์เพื่อดึงทราฟฟิกไปยังหน้าที่แสดงโฆษณาของ Google ต้องปฏิบัติตามเจตนารมณ์ใน คำแนะนำเกี่ยวกับคุณภาพของหน้าที่มีการเชื่อมโยงไปถึง ของ Google ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณโฆษณาไซต์ที่เข้าร่วมในโครงการ AdSense การโฆษณาไม่ควรหลอกลวงผู้ใช้ ตำแหน่งของโฆษณา
AdSense เสนอรูปแบบโฆษณาและผลิตภัณฑ์เพื่อการโฆษณาหลายประเภท ขอแนะนำให้ผู้เผยแพร่ทดลองใช้การจัดวางในตำแหน่งต่างๆ โดยคำนึงถึงนโยบายต่อไปนี้:
ในแต่ละหน้าสามารถแสดงหน่วยโฆษณาได้ไม่เกินสามหน่วย
ในหน้าหนึ่งสามารถวางช่อง Google AdSense สำหรับการค้นหาได้มากที่สุดสองช่อง
ในแต่ละหน้าสามารถวางหน่วยลิงก์ได้ไม่เกินสามหน่วยเช่นกัน
ในหนึ่งหน้าสามารถแสดงหน่วยการแนะนำผลิตภัณฑ์จากได้มากถึงสามหน่วย นอกจากหน่วยโฆษณา, ช่องการค้นหา และหน่วยลิงก์ที่ระบุไว้ข้างต้น
หน้าผลลัพธ์ของ AdSense สำหรับการค้นหาสามารถแสดงหน่วยลิงก์โฆษณาได้เพียงหนึ่งที่ เพิ่มเติมจากโฆษณา Google ที่ให้บริการพร้อมกับผลลัพธ์การค้นหา ห้ามแสดงโฆษณาอื่นๆ บนหน้าผลลัพธ์การค้นหาของคุณ
ห้ามแสดงโฆษณา Google หรือช่องการค้นหา Google ในป๊อปอัป, ป๊อปอันเดอร์ หรือในอีเมล
องค์ประกอบบนหน้าต้องไม่บังส่วนใดๆ ของโฆษณา
ห้ามวางโฆษณา Google บนหน้าใดๆ ที่ไม่ใช่เนื้อหา
ห้ามวางโฆษณา Google บนหน้าที่เผยแพร่เพื่อจุดประสงค์การแสดงโฆษณาโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเนื้อหาของหน้าจะเกี่ยวข้องหรือไม่ก็ตาม โฆษณาและบริการของคู่แข่ง
เพื่อป้องกันความสับสนของผู้ใช้ เราไม่อนุญาตให้เผยแพร่โฆษณา Google หรือช่องการค้นหาบนเว็บไซต์ที่มีโฆษณาหรือบริการอื่นรวมอยู่ โดยใช้การจัดรูปแบบและสีเหมือนกับโฆษณาหรือช่องการค้นหาของ Google บนเว็บไซต์นั้น แม้ว่าคุณสามารถขายโฆษณาโดยตรงบนเว็บไซต์ของคุณ แต่เป็นหน้าที่ของคุณที่รับรองว่าโฆษณาเหล่านี้จะไม่สับสนกับโฆษณา Google



ปรับปรุงล่าสุด: พฤษภาคม 2007





Google กวาด Omnisio อีกแล้วเพื่อเอามารวมกับ youtube

Labels:

อาจเป็นได้ว่ากระแสความนิยมใน youtube เริ่มลดลง Google จึงได้ออกมาประกาศว่ามีความต้องการที่จะดึง Omnisio เข้ามาร่วมทุนด้วย เหมือนหลายๆจ้าวที่ผ่านมา และยังให้ Omnisio สามารถคงฟีเจอร์ที่มีอยู่แล้ว แถมเปิดโอกาสให้ ทีมพัฒนามาร่วมแชร์ความคิดกับทีมของ youtube ถ้าหากว่าหลายๆคนได้ลองเข้าไปสัมผัสกับเจ้า Omnisio แล้วก็คงจะทึ่งในความสามารถที่โดดเด่นในการโชว์วีดีโอ ที่สามารถให้ผู้เข้ามาเยี่ยมโพสต์คอมเม็นต์ ลงไปบนหน้าของวีดีโอนั้นๆได้ทันที และยังสามารถอัปโลหดไฟล์วีดีโอจากแหล่งอื่นๆ เช่น blip.tv, YouTube และ Google Video และตอนนี้ Omnisio ก็ได้ปิดรับสมัครสมาชิกไปเรียบร้อย แต่กำลังวุ่นกับการย้ายสมาชิกไปยัง youtube ครับ แต่สิ่งที่ google ต้องการก็คือ เทคโนโลยีที่ยังไม่มีจาก Omnisio นั่นเอง



ต้องบอกได้เลยว่า Google ในเวลานี้กำลังจะกวาดเอาทุกอย่างเพื่อเพิ่ม จำนวนผู้ใช้ให้มากขึ้น และก็คงต้องรอดูท่าทีของคู่แข่งอย่าง Microsoft และ Yahoo ว่าจะมีท่าทีอย่างไร

ที่มา : readwriteweb



Google ประกาศว่าสามารถเก็บข้อมูลได้ 1 Trillion Pages

Labels:

Google ได้ออกมาประกาศว่าสามารถเก็บข้อมูลได้อย่างน่าอัศจรรย์ถึง 1 ล้านล้าน หรือ trillion หน้า ทั้งที่ในปี 1998 มีเพียง 26 ล้านหน้าเท่านั้นเองและถัดมาในปี 2000 ก็สามารถกระโดดขึ้นมาได้ถึง 1 พันล้านหน้า และในปัจจุบัน google index กำลังเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องด้วยสถิติการเก็บข้อมูลถึงหลักพันล้านต่อวันเลยทีเดียว ในอดีตที่ผ่านมา google ได้ใช้จำนวนของหน้าหลักเพื่อแสดงถึงจำนวนของเว็บไซต์ แต่ก็ได้ถูกลดความสำคัญลงในปี 2005

เมื่อการแข่งขันระหว่าง search engine ได้สูงขึ้นตั้งแต่ปี 1990 เป็นต้นมา ขนาดของ index ก็ได้ถูกนำมาเปรียบเทียบระหว่างผู้ให้บริการทั้งหลาย และในปัจจุบันจำนวน index ที่เก็บได้ของ search engine
ไม่ได้เป็นสิ่งสำคัญอีกต่อไป แต่ผลการค้นหาที่ถูกต้องตามความต้องการของผู้ใช้บริการเป็นสิ่งสำคัญมากกว่า และสิ่งนี้เองที่สามารถทำให้ google เป็นผู้นำใน search engine market เหนือค่ายอื่นๆอย่างเช่น Altavista, Excite, หรือ HotBot


แต่สิ่งที่น่ากลัวสำหรับ google ในตอนนี้ก็คือการเจรจาต่อรองเพื่อรวมกันระหว่าง Microsoft กับ Yahoo ในส่วนของ Yahoo Search Business ซึ่งถ้าสามารถตกลงหรือร่วมมือกันได้ google จะตกเป็นรองในทันที






Social Bookmark Delicious 2.0 กำลังจะมาในไม่ช้า

Labels: ,

Delicious หนึ่งในเว็บไซต์ Social Bookmark ยอดฮิต ที่ให้บริการ Submit Story คู่แข่งของ Digg แต่จะต่างตรงที่ Del.icio.us นั้นสามารถใส่เพียงแค่ชื่อเรื่อง ก็สามารถนำ traffics ไปยังเว็บไซต์หรือบล๊อคของเราได้ หลังจากในเดือนกันยายน ปีที่แล้ว Yahoo ไม่สามารถออก ตัว Delicious Beta ได้สำเร็จที่ Silicon Valley นั้น และเมื่อเดือนที่ผ่านมา ทีมงาน Delicious ก็ได้ให้คำแนะนำในการที่จะเพิ่ม service สำหรับการเขียนบล๊อคให้กับสมาชิกนั้น ตอนนี้ก็พร้อมแล้วสำหรับเวอร์ชันใหม่

รวมถึงการปรับปรุงระบบ caching ของการจัดเก็บข้อมูลเพื่อลดโหลดของ database servers และการเรียกดูหน้าแต่ละหน้าของสมาชิก ทางทีมงานของ Delicious ได้ทดสอบระบบจนแน่ใจแล้วว่าจะไม่มีปัญหาหากนำมาใช้งานจริงๆ ดังนั้นใครที่เป็นแฟนตัวจริงของ Delicious ก็เตรียมเฮได้เลยครับ

ตัวอย่างหน้าตาของเวอร์ชัน 2.0



มีอะไรใหม่บ้างในเวอร์ชัน 2.0


ที่มา : TechCrunch



Google Adwords คืออะไร

Labels:


Google Adwords เป็นการโฆษณารูปแบบหนึ่งโดยผ่านทาง Search Engine ในรูปแบบ Pay Per Click (PPC) หรือ Cost Per Click (CPC) ซึ่งจะต้องเสียค่าบริการให้กับผู้ให้บริการ ซึ่งก็คือ Google ทุกครั้ง เมื่อมีคนคลิกลิงค์เพื่อเข้าชมเว็บไซต์ โดยโฆษณาของคุณจะ ปรากฏตาม Keyword ที่คุณเลือก ซึ่งสามารถรับประกันได้ว่า อันดับของเว็บไซต์ของคุณจะต้อง อยู่ในตำแหน่งที่คุณต้องการในส่วน Sponsored ของ Google สังเกตุจากเมื่อเราค้นหาอะไรซักอย่างจาก google ผลที่ได้จากการค้นหาจะมีกรอบสี่เหลี่ยมอยู่ด้านบน และด้านขวาเสมอ
หรืออีกความหมายหนึ่งก็คือเทคนิคการลงโฆษณาเว็บไซต์ เพื่อ ขายสินค้าและบริการของบน Google.com เมื่อทำตามเทคนิคที่แนะนำอย่างถูกต้องแล้ว จะช่วยให้โฆษณาปรากฏขึ้นทันทีที่มีคนค้นหาสินค้าของคุณบน Google.com ซึ่งเป็นขณะที่เขากำลังต้องการซื้อพอดี ทำให้เขาตัดสินใจสั่งซื้อ สินค้า โดยไม่รอช้า และนี่เองคือจุดที่จะสร้างรายได้ออนไลน์
Google adwords นั้นในปัจจุบัน สามารถนำมาทำ seo หรือโปรโมทเว็บไซต์ได้ และยังเปิดช่องว่างให้กับเราที่เป็นนักท่องเน็ตสามารถเป็นตัวแทนโฆษณาสร้างรายได้ออนไลน์เข้ากระเป๋า ให้กับบริษัทต่างๆที่ต้องการขายสินค้าผ่านทาง internet หรือสมัครต่อกับตัวแทนโฆษณารายใหญ่ Affiliate Network อย่างเช่น commission junction(cj.com) ,ClickBank เป็นต้น ก็คงมีหลายคนสงสัยว่า แล้วเราที่เป็นตัวแทนโฆษณานั้น ต้องเสียค่าประมูล keywords ในการทำโฆษณา แล้วมันจะมีรายได้จากตรงไหน คำตอบก็คือ ค่าประมูล keyword นั้นมีค่าต่ำมากเมื่อเทียบกับ การแบ่งปันผลตอบแทนจากพวกบริษัทต่างๆ หรือ affiliate network เช่น ค่าประมูล keywords ของเราอยู่ที่ 0.01$/click ถ้าหากว่ามีคน ใช้ search engine ค้นหาแล้วแวะเข้ามาเจอโฆษณาของเรา 1,000 คน และมีคน click 10 คน และซื้อสินค้าเพียง 1 คน ก็สรุปได้ว่า เราต้องจ่ายค่าโฆษณาเป็นเงิน 10x0.01=0.1$ และได้ผลตอบแทนจากการซื้อสินค้าสมมติว่าเป็นเงิน 10$ แสดงว่าเราสามารถทำเงินได้ 9.9$ นี่เป็นเพียงตัวอย่างเบื้องต้นที่พอจะทำให้รู้ว่าเราจะสร้างรายได้มาจากตรงไหน จริงๆแล้ว พวกค่าประมูล keywords นั้นจะมีค่าแตกต่างกันขึ้นอยู่กับ ความนิยมของคำหรือการแข่งขันที่สูง ซึ่งเราจะต้อง balance กับผลตอบแทนจากการขายสินค้าให้ดีเพื่อไม่ให้ขาดทุน
การที่เราจะทำ adwords ให้มีรายได้นั้นจะได้ผล เฉพาะในแถบที่มีกำลังซื้อค่อนข้างสูง และมีความนิยมใน e-commerce เช่น usa,canada,europe เป็นต้น ส่วนในประเทศไทย นิยมใช้เพื่อสร้าง traffics ให้กับเว็บไซต์เพื่อเพิ่มอันดับ ranking ใน search engine ให้สูงขึ้นเป็นส่วนใหญ่ ถ้าอยากรู้ภาพรวมในการตลาดออนไลน์ทั้งหมด ให้ไปอ่านบทความที่ผมได้เขียนไปแล้วเรื่อง ภาพรวมของระบบ Internet Marketing ครับ




PURI Tech-Money Online for blogger